บทความนี้ CodeKids เรามีความตั้งใจมาแนะนำแนวทางในการเรียนเขียนโค้ดของเด็กๆ ในแต่ละช่วงวัยพร้อมทั้งคำศัพท์ที่ต้องรู้และโปรแกรมที่ต้องเรียนตามโครงสร้างสมองเด็กค่ะ โดยการเรียนเขียนโค้ดที่เหมาะแต่ละช่วงวัยหลายคำถามว่าลูกต้องเรียนอะไรดีและลูกต้องเริ่มเรียนจากตรงไหนไปตรงไหน ตามโครงสร้างสมองเด็กค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องมาเข้าใจกันก่อนว่าโค้ดดิ้ง (Coding) ไม่ได้จำกัดความเเค่เขียนโปรเเกรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ผ่านมาเราได้ติดตามเรื่องโค้ดดิ้งกันมาบ้างแล้วเเละพอทราบกันมาบ้าง? ว่ามีหลายประเทศที่ได้บรรจุเรื่อง Coding เข้าไปในหลักสูตรให้เด็กเรียนเรียบร้อยแล้วประเทศญี่ปุ่นกำหนดวิชา Coding เป็นวิชาพื้นฐานของการเรียนการสอนของเด็กประถม โดยบรรจุเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน “วิชาบังคับ”ในโรงเรียนชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศตั้งแต่ Grade 5 ซึ่งเทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เริ่มเรียนตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 โดยเนื้อหาจะปูพื้นฐานความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมและสอนการเขียน Coding เบื้องต้น
ประเทศไทยเองทางกระทรวงศึกษาธิการโดย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช (รมช.) แถลงนโยบายการศึกษาเรื่องเด็กไทยทุกคนต้องเรียน”โค้ดดิ้ง (Coding) โดยใช้คำว่า “Coding for all” เพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นการเรียนรู้ทักษะภาษาใหม่ที่จะใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์
โดยแบ่งเราจะแบ่ง Coding ให้เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัยแบ่งเป็น 4 ช่วงดังนี้
ช่วงอายุวัย 4-6 ขวบ เน้นกิจกรรม Unplugged
สื่อการสอนโค้ดดิ้งสําหรับวัยนี้มักเน้นช่วยการเรียนรู้ของสมองและพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆเรียกว่ากิจกรรม Unplugged (อันปลั๊ก) โดยใช้อุปกรณ์อื่นๆมาแทน เช่น การ์ดเกม หรือบอร์ดเกมต่างๆที่สอนแนวคิดเรื่องโค้ดดิ้งหรือการเล่นกิจกรรมนอกสถานที่เป็นต้นหรือเรียนแอปพลิเคชันเกมที่เกี่ยวกับโค้ดดิ้งได้บางตัว
ทักษะที่ต้องมี
– กล้ามเนื้อนิ้วมือ
– กล้ามเนื้อมัดเล็กและใหญ่
– ทักษะการคิด Logic, Sequencing
– ทักษะ Coding Blocky แบบจินตนาการ Creative
โปรแกรมที่ต้องเรียน
- Code spark
- Scratch JR.
- Code.org
หลักสูตรที่เหมาะกับน้องคือ
ช่วงอายุวัย 7-9 ขวบ ปูพื้นฐานเรื่อง Coding
ทุกวันนี้เด็กหลายคนก็ถูกปล่อยให้อยู่กับเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ตหรือคอมพิวเตอร์กันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นแทนที่จะปล่อยให้ลูกเล่นอยู่แต่หน้าจอเราจึงแนะนำว่าพ่อแม่ควรเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการสร้างองค์ความรู้ให้เขาตั้งแต่เด็กๆโดยให้นำสิ่งที่น้องๆมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและต่อยอดสู่อนาคตได้
ทักษะที่ต้องมี
- Unplugged Coding
- เงื่อนไข if, else, loop
- คอมพิวเตอร์พื้นฐาน
- Coding แบบ Blocky
โปรแกรมที่ต้องเรียน
- Code.org
- Code spark
- Scratch
หลักสูตรที่เหมาะกับน้องคือ
ช่วงอายุวัย 10-12 ขวบ เรียนโค้ดดิ้งเบื้องต้น
เนื่องจากผ่านวัย 7 ขวบ (วัยที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง) จึงอยากเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมหรือเพื่อนดังนั้นเด็กวัยนี้ สามารถทํากิจกรรมเป็นกลุ่มได้ เช่น เล่นบอร์ดเกมที่เกี่ยวกับโค้ดดิ้งหรือเริ่มเรียนเขียนโค้ดเบื้องต้นจาก Scratch และ Python หรือ mirco:bit ซึ่งจะมีรายละเอียดในบทถัดๆเพื่อเตรียมตัวเรียนโค้ดดิ้งในระดับที่สูงขึ้น
ทักษะที่ต้องมี
- Unplugged Coding
- Flow chart
- Coding แบบ Blocky
- Coding แบบ Text Coding
- เงื่อนไขง่าย if, else ที่ยากขึ้นและซับซ้อนขึ้น
โปรแกรมที่ต้องเรียน
- Scratch
- Code Monkey
- Python
หลักสูตรที่เหมาะกับน้องคือ
ช่วงอายุวัย 13-15 ขวบ เรียนโค้ดดิ้งในระดับที่สูงขึ้น
เด็กๆ จะเริ่มเรียนคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษที่โรงเรียนมากขึ้นมีความรู้มากพอที่จะนํามาเรียนเขียนโค้ดในระดับที่สูงขึ้นได้อาจยังใช้โปรแกรม Scratch ในระดับที่ซับซ้อนขึ้นหรือเริ่มเรียนภาษา Pythonในวัยนี้อาจเริ่มรู้ว่าตัวเองอยากเรียน อะไรต่อก็สามารถเรียนต่อยอดไปในสายที่สนใจได้ เช่น เรียนทําเกม หรือ เรียนเพื่อออกแบบแอปพลิเคชัน ฯลฯ
ทักษะที่ต้องมี
- Microsoft excel
- Function
โปรแกรมที่ต้องเรียน
- Python
- Code Combat
- Swift playground
- MIT app
- Thunk able
หลักสูตรที่เหมาะกับน้องคือ
ช่วงอายุวัย 16-18 ขวบ เรียนโค้ดดิ้งเพื่ออนาคตของตัวเอง
เนื่องจากการเขียนโปรแกรมเป็นอาชีพที่ต้องการอย่างสูงเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการนักเทคโนโลยีที่มีความสามารถอย่างสูงไม่ว่าจะเป็น
– เทคโนโลยีการวิจัย
– นักเขียนโปแกรมในมือถือ
– การเรียนโปรแกรมสำหรับงานทางธุรกิจ
– การพัฒนาแอพสำหรับเรื่องเฉพาะทางต่างๆ เช่น App โรงพยาบาล
– การพัฒนาเกมส์
เพื่อให้น้องๆค้นหาตัวเองเจอและสามารถเลือกเข้าคณะเลือกอนาคตของตนเองได้ก่อนและพัฒนาทักษะนั้นให้เตรียมพร้อมกับอนาคต พรุ่งนี้เมื่อเราไปทำงานเราลองนับว่าใช้แอพหรือ Program Computer หรือ Application ไปกี่อัน ? ดังนั้นเทคโนโลยีเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกของเราทั้งหมดถูกขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์เทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ต้องการสำหรับงานในอนาคตการโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ในอนาคตล้วนต้องการความสามารถในเขียน Coding (การโค้ดดิ้ง)
ทักษะที่ต้องมี
- Algorithm
- Text coding
- Database
- Data Science
- Digital Literacy
โปรแกรมที่ต้องเรียน
- Python
- HTML, CSS
- Hardware
หลักสูตรที่เหมาะกับน้องคือ
กล่าวโดยสรุปแล้ว
เรียกได้ว่าหลายประเทศทั่วโลกก็ตระหนักแล้วว่านอกจากภาษาในการสื่อสารแล้วภาษาคอมพิวเตอร์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะในอนาคตโลกอันใกล้โลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว และทุกอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันจะกลายเป็นอุปกรณ์ IoTเศรษฐกิจเกือบทั้งโลกจะทำงานบนพื้นฐานของดิจิทัลเป็นหลัก
การศึกษาประเทศไทยเราเองก็ให้โค้ดดิ้ง (Coding) วิชาใหม่ที่ใส่เข้าไปในกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ถูกแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้หรือ 8 กลุ่มวิชาที่เด็กทุกคนต้องเรียนเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในกลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตรสมัยก่อนไม่มีสาระเทคโนโลยีมีแต่ ฟิสิกส์ เคมีชีววิทยา วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศจนเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการและ สสวท.ปรับหลักสูตรโดยเอาสาระเทคโนโลยีที่เดิมทีเคยอยู่ในกลุ่มการงานพื้นฐานอาชีพโดยเพิ่มเข้ามาอยู่ในกลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์
ทั้งนี้ กลุ่มสาระเทคโนโลยี ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.วิทยาการคำนวณ สำหรับประถมศึกษา-มัธยมศึกษา
2.การออกแบบและเทคโนโลยี สำหรับชั้นมัธยมศึกษา
“วิทยาการคำนวณ มี Coding อยู่ในนั้น Coding
คือ 1 ใน 3 ของวิทยาการคำนวณ”
แนะนำบทความ : ส่องการศึกษา “โค้ดดิ้ง” เด็กในประเทศไทยเรียนอะไรบ้างในชั้นประถมศึกษา?
โดยกิจกรรมที่หนังสือหลักๆที่ในเล่มจะสอนเด็ก คือ
- สอนให้ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ
- แสดงลำดับขึ้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาที่เป็นอัลกอรึทึมอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณะ หรือ ข้อความ
- เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือ สื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง
- ใช้เทคโนโลยี เรียกใช้และใช้มูลข้อมูลตามวัตถุประสงค์
- ใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย ดูแลแลรักษาอุปกรณ์เบื้องต้น ใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
ถ้าหากท่านใดสนใจให้ลูกหรือเด็กเขียนโปรเเกรมเป็นและได้รับการเรียนรู้ Coding และ Digital literacy สามารถเริ่มได้ตั้งเเต่ 6 หรือ 7 ได้เลย ลอง Inbox เข้ามาสอบถามได้นะคะหรือเว็บไซต์ Codekids นี้ได้เลย มีความรู้ด้านการเรียนรู้การเขียนโปรเเกรม สำหรับเด็กๆมากมาย https://www.codekids.co/blog/ ติดตามเราได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/codekidsTH/