เด็กๆต้องเรียน Coding โค้ดดิ้งเพราะในอีก 3-4 ปี ข้างหน้าเมื่อ A.I. และ 5G เข้ามามีบทบาทมากขึ้นความต้องการทรัพยากรบุคคลหรือที่เรียกว่า “โปรแกรมเมอร์” จะมีเพิ่มมากขึ้นปัจจุบันหากใครที่จบทางด้านการเขียนโปรแกรมสามารถเรียกเงินเดือนเริ่มต้น 30,000 บาท (ตามความสามารถของการเขียนโปรแกรมที่ถนัด เพราะฉะนั้นถ้าศึกษาทางด้านการเขียนโปรแกรมสามารถมีโอกาสและเป็นแต้มต่อให้กับเด็กในการทำงานนในอนาคตได้ดี
ปัจจุบันตอนนี้ทางระบบการศึกษาได้นำหลักสูตรการเขียนโปรแกรมเพิ่มเข้าไปในบทเรียนเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ระดับประถม-จนถึงมัธยม (ปกติต้องเรียนปริญญาตรี) โดยให้ความสำคัญกับหัวใจหลักของ Coding (การโค้ดดิ้ง) คือ การเขียนสัญลักษณ์เพื่อบอกลําดับขั้นตอน ลําดับความคิดและสื่อสารให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ อาทิ การแต่งเพลง วางลําดับตัวโน๊ตดนตรี การออกแบบ ลําดับคำสั่ง ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆได้เรียนรู้การเขียนโปรแกรมแบบมีลําดับการวางแผน การเขียน (flow chart) เป็นต้น
Coding (โค้ดดิ้ง) คือ ประเทศไทยเราจะเรียกอีกอย่าง คือ “วิทยาการคำนวณ” โดยเด็กๆอายุระหว่าง 7-13 ปีควรเรียนไว้เพราะ CEO Google คุณ Sundar Pichai กล่าวถึงความสำคัญของ Coding (โค้ดดิ้ง) ว่า
“เราอยากให้เด็กๆ ทุกคนบนโลกตื่นเต้น กับความเป็นไปได้
ของ Coding (โค้ดดิ้ง) และทุกๆ คนควรจะมีโอกาสเรียนรู้วิชา
วิทยาการคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนและที่อื่นๆ ด้วย”
โดยนิยามสั้นๆ Coding (โค้ดดิ้ง) คือ การป้อนคำสั่งด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ อาทิ ภาษาไพทอน,ภาษาซี,หรือ ภาษาจาวา โดยให้โปรเเกรมเมอร์สั่งคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ทำไมลูกเราต้องเรียน Coding (โค้ดดิ้ง)
5 สิ่งสำคัญ สำหรับผู้ปกครองควรรู้!!
1.การคิดคำนวณเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็น “การคิดเชิงคำนวณ”
หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า (Computational Thinking) สิ่งที่สำคัญที่สุดเด็กจะถูกสอนให้แก้ปัญหาสอนเทคนิคต่างๆการคิดเชิงคำนวณจะสอนให้ทำขั้นตอนอย่างการย่อยปัญหาใหญ่ๆให้เป็นอันเล็กๆ
สอนให้จดจำรูปแบบสร้างวิธีการแก้ปัญหาที่จะประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าสิ่งนี้เป็นส่วนทั้งหมดของการดำเนินการที่ถูกกำหนดให้เป็น “การคิดเชิงคำนวณ” พัฒนารูปเบบความคิดสร้างสรรค์ และ คิดวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน เพราะ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่มนุษย์ ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้ A.I.ยังไม่สามารถสร้างระบบความคิดสร้างสรรค์ได้เต็ม 100% มนุษย์อย่าง เราหากจะต้องต่อสู้กับ A.I. ให้ได้คือ ความคิด การออกจากกรอบในทางที่สร้างสรรค์
2.โลกปัจจุบันและอนาคตเราต้องใช้ Technology ในชีวิตของพวกเรา
ปัจจุบันทุกวันนี้เราใช้ Technology ในชีวิตพวกเราในตอนนี้ถูกแวดล้อมไปด้วยจำนวนมาก เช่น ในตอนเช่าที่เด็กๆขึ้นรถไฟฟ้า BTS เราใช้บัตร RFID ตอนที่เราจะเดินทางก็ใช้ Google Map นำทางตอนที่เราจะตำเเหน่งอะไรก็ตามเราใช้ในชีวิตประจำวันแทบทั้งสิ้นสร้างโอกาสด้าน Technology ที่ดีให้กับเด็กๆ เพิ่มโอกาสในการทำงานในอีก 3-4 ปีข้างหน้าเมื่อ AI และ เทคโนโลยี 5G เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความต้องการทรัพยากรบุคคลหรือที่เรียกว่าโปรแกรมเมอร์จะมีเพิ่มมากขึ้น
3.การเขียนโปรแกรม ช่วยให้เด็กๆ แสดงพรสรรค์ด้านความคิด
พรสรรค์ด้านต่างๆของเขาจะเกิดขึ้นจากการเรียนรู้และฝึกฝน เช่น เรียนกีฬา เรียนศิลป์เพื่อให้เด็กๆได้แสดงความคิดความสามารถ ออกมาอย่างสร้างสรรค์ และในปัจจุบันเอง คำว่า แสดงพรสรรค์ด้านความคิดไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวาดรูปอีกแล้วความสร้างสรรค์ สามารถอยู่ได้ในเกมที่พวกเขาเขียนและอยู่ใน Application ที่พวกเขาสร้างได้เองด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ scratch , micro:bit , python
โดยเราไม่ควรจำกัดว่าให้พวกเขาเขียนโปรแกรมเพียงเพราะเราคาดหวังให้เด็กๆทำงานเป็นโปรเเกรมเมอร์ในอนาคตไม่จำเป็นว่าเด็กๆอยากจะทำงานเป็นอะไร แต่ในอนาคตตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่างานอะไรในปี 2020–2050 ก็ต้องใช้ทักษะด้าน Computational Thinking และการเข้าใจเทคโนโลยีอย่างแน่นอน
4.ส่งเสริมการเรียนคณิตศาสตร์ให้เข้าใจมากขึ้น และ ทักษะทางด้านภาษาที่ดี
ผู้ปกครองหรือเด็กบางคนมองว่า การเขียนโปรแกรมเป็นการผนวกร่วมกับคณิตศาสตร์และคิดว่าการเรียนคณิตศาสตร์มันยากแต่จะสนุกและเข้าใจมากขึ้นเมื่อมาใช้กับการเรียนเขียนโปรแกรมค่ะเชื่อเราได้เลยถ้าให้เด็กลองเรียนดูจะติดใจทั้งการ Coding (โค้ดดิ้ง) และคณิตศาสตร์แน่นอน ไม่เชื่อล่ะก็ลองส่งเด็กมาเรียนกับ Codekids ได้นะคะ
นอกจากนี้ทักษะการเขียนโปรแกรมที่ต้องมีแล้วยังได้ทักษะภาษาอังกฤษก็ต้องได้ด้วยไม่แพ้กันการเรียนภาษาอังกฤษแบบท่องจำอาจจะทำให้เข้าใจช้า แต่การเรียนแบบลงมือทำอย่างการเขียนโปรแกรมเป็นการฝึกในเรื่องของภาษาอังกฤษมากขึ้น
5.การเขียนโปรแกรมเป็นอาชีพที่ต้องการอย่างสูง
เทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการนักเทคโนโลยีที่มีความสามารถอย่างสูงไม่ว่าจะเป็น
– เทคโนโลยีการวิจัย
– นักเขียนโปแกรมในมือถือ
– การเรียนโปรแกรมสำหรับงานทางธุรกิจ
– การพัฒนาแอพสำหรับเรื่องเฉพาะทางต่างๆ เช่น App โรงพยาบาล
– การพัฒนาเกมส์
บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Microsoft และ Apple ผู้คนต้องการผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ใหม่และเป็นนวัตกรรม บริษัท Startup ทางเทคโนโลยี กำลังผุดขึ้นมาทั่วโลกทุกๆวัน Internet of Things (IoT) การแข่งขันเพื่อการท่องเที่ยวอวกาศและการสำรวจ ,ตัวอย่างเช่น NASA และ Health Canada ทั้งหมดนี้กำลังมองหาซอฟต์แวร์ที่สามารถ ผลักดันความคิดริเริ่มไปข้างหน้าได้
พรุ่งนี้เมื่อเราไปทำงาน เราลองนับว่าใช้แอพ หรือ Program Computer หรือ Application ไปกี่อัน? ดังนั้นเทคโนโลยีเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกของเราทั้งหมดถูกขับ เคลื่อนโดยซอฟต์แวร์เทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ต้องการสำหรับงานในอนาคตการโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ในอนาคตล้วน ต้องการความสามารถในเขียน Coding (การโค้ดดิ้ง)
ถ้ามีคำถามว่า ลูกเราควรจะเรียนเขียนโค้ดหรือไม่คำถามที่โค้ดคิดส์ จะถามแทน คือ “แล้วทำไมถึงไม่ควรเรียนล่ะ?”
ความรู้ยุคนี้ฝึกได้เเต่เด็กๆจะยิ่งดี อีลอน มัสก์ เคยพูดไว้ใน เวที World AI Conference ว่าอาชีพที่จะรอดจาก AI เเละเหลืออยู่ในอนาคตก็คืออาชีพสายโปรเเกรมเมอร์ เป็นวิชาที่ต้องเรียน เรียนเร็วไปไว เรียนช้าพลาดโอกาส เราไม่สามารถการันตีได้ว่าแหล่งที่มาของเนื้อหาที่เหมือนกันแล้วการถ่ายทอดเหมือนกันแต่ข้อมูลการเรียนสมัยนี้เข้าถึงง่ายมาก แทบจะฟรีทุกอย่างเพราะฉะนั้นรู้ก่อนย่อมมีสิทธิ์ไปได้ไกลกว่าค่ะ
ด้านการศึกษาในไทย กับ Coding (โค้ดดิ้ง)
ทาง สสวท. หรือ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตรวิชาคอมพิวเตอร์ ในปีพุทธศักราช 2560 ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เป็นภาคบังคับ ในปี 2561 ดังนี้
พฤษภาคม 2561 : ป.1, ป.4 และ ม.1, ม.4
พฤษภาคม 2562 : ป.2, ป.5 และ ม.2, ม.5
และปีนี้ 2563 : ป.3, ป.6 และ ม.3, ม.6
ชื่อวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ หรือ Computing Science)
สิ่งที่ได้จากการเรียนเขียนโปรแกรม
1. คณิตศาสตร์
2. ภาษาอังกฤษ
3. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่เป็นพื้นที่ทั่วโลกต้องใช้
4. Computational Thinking การคิดเป็นระบบ
ถ้าอยากให้ลูกเรียนเขียนโปรแกรมควรเริ่มจาก ? จากอะไรดี
อายุไม่ถึงเรียนอะไรดีและถ้าเก่งแล้วจะไปต่อไหนดีที่นี่มีคำตอบ ก่อนอื่นเราต้องดูพื้นฐานของเด็กๆว่าน้องผู้ชายหรือน้องผู้หญิง หรือน้องอายุเท่าไหร่เคยชอบหรือเคยเรียนการเขียนโปรแกรมผ่าน iPad หรือ คอมพิวเตอร์ มาก่อนรึป่าว ?
ยกตัวอย่างเช่น น้องเจน อายุ 6 ขวบ คุณแม่อยากให้ลองเขียนโปรแกรม แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนที่สำคัญน้องที่อายุไม่ถึง 7 ขวบไม่ควรอยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยี เกินไปแต่ควรต้องให้ลองแตะดูบ้างโดยเวลาที่ดีไม่ควรเกิน 30 นาที – 1 ชั่วโมงต่อวันโดยรวมดังนั้น หากจะลองเขียนโปรแกรม ต้องเริ่มจากการโค้ดดิ้งโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์อย่าง
กิจกรรม Unplugged หรือสื่อการสอน Board game
แต่ถ้าเป็นน้อง อายุ 7 ขวบ สามารถเรียนเขียนโปรแกรมได้ด้วยกล้ามเนื้อนิ้วมือ เริ่มทำงานโครงสร้างสมองเริ่มมีสมาธิและฝึกเรื่องของการตัดสินใจ ดังนั้นโปรแกรมที่สามารถเริ่มได้คือ
– code.org
– micro:bit
– scratch
ตามความสนใจของน้องตามลำดับ ขอให้เด็กๆ สนุกกับการเริ่มต้นศึกษาเรื่อง การเขียนโปรแกรมนะคะ ผู้ปกครองยุคใหม่ก็ต้องสนุกกับเทคโนโลยี เดียวเหมือนกันนะ จะได้ส่งความรู้สึกไปให้ลูกๆ รับรู้ได้เพราะ อายุ 7 ขวบสามารถเรียนเขียนโปรแกรมได้ด้วยกล้ามเนื้อนิ้วมือเริ่มทำงาน โครงสร้างสมองเริ่มมีสมาธิและฝึกเรื่องของการตัดสินใจ ดังนั้นโปรแกรมที่สามารถเริ่มได้ก่อนเพื่อฝึกภาษาคอมพิวเตอร์คือ code.org ,micro:bit , scratch และตามความสนใจของน้องตามลำดับหรือมาทดลองเรียนกับหลักสูตรที่สร้างขึ้นมาสำหรับให้น้องๆเรียน Coding โค้ดดิ้งได้ได้ที่เพจของเราได้เลยค่ะ ทัก Inbox เข้ามาสอบถามได้เลยนะทางเรายินดีตอบคำถามเสมอค่ะ
ถ้าหากท่านใดสนใจให้ลูกหรือเด็กเขียนโปรเเกรมเป็นและได้รับการเรียนรู้ Coding และ Digital literacy สามารถเริ่มได้ตั้งเเต่ 6 หรือ 7 ขวบได้เลย ลอง Inbox เข้ามาสอบถามได้นะคะหรือเว็บไซต์ Codekids นี้ได้เลย มีความรู้ด้านการเรียนรู้การเขียนโปรเเกรม สำหรับเด็กๆมากมาย https://www.codekids.co/blog/ ติดตามเราได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/codekidsTH/